1. ประเด็นของข้อมูลที่เก็บและวิธีเก็บข้อมูล

    1. a. ประเด็นของข้อมูลที่เก็บ
      1. บริษัทต้องเชื่อมต่อบริการ ไปยังบัญชี Facebook Google PAYCO ของคุณ เพื่อลงทะเบียน และในการดำเนินการ บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปนี้จาก Facebook Google PAYCO เพื่อเปิดใช้งานบัญชีของคุณ โดยจะมีรายละเอียดการจัดเก็บข้อมูลดังนี้ (ข้อมูลที่มีเครื่องหมาย (*) นั้นต้องมีความตกลงของสมาชิก)

        1. i. Facebook :ID, รูปประจำตัว, เพศ, วันเกิด, ชื่อเล่นในระบบ

        2. ii. Google : ชื่อ, ชื่อเลนในระบบ, ID, *อีเมล

      2. เพื่อสมัครสมาชิก, ลงทะเบียน, เปิดใช้งานบัญชี, การให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า, รวมทั้งการให้บริการ ต่างๆ ทางบริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีประเด็น ได้แก่

      3. อีเมล หรือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ รหัสผ่าน นอกจากนี้ในขั้นตอนต่างๆ ของการใช้บริการ มีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เพศ วันเกิด เป็นต้น

      4. IP Address, cookie, วันเวลาเข้าถึง, ประวัติการใช้บริการตามปกติ, ประวัติการใช้บริการที่ผิดปกติ,ข้อมูลอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ (รุ่นอุปกรณ์, เครือข่ายที่ใช้, hardware ID, ข้อมูลสถิติพื้นฐานสำหรับการใช้บริการ), ข้อมูล application ที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์, ข้อมูลการจ่ายเงิน

    2. b. วิธีเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
      1. บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

      2. เว็บไซต์, แอพพลิเคชั่น, อุปกรณ์มือถือ, เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร, แฟกซ์(fax), โทรศัพท์, กระดานประกาศ, อีเมล, การลงทะเบียนผ่านอีเวนต์(Event), การขอส่งทางไปรษณีย์, โซเชียลมีเดีย และบริการที่เกี่ยวข้อง

      3. บริษัทคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

      4. เครื่องมือที่ช่วยใช้สำหรับเก็บข้อมูลเพื่อใช้บริการ

    3. c. นอกจากนี้บริษัทยังสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่สำหรับกรณีนี้บริษัทจะขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนล่วงหน้า

2. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์การใช้

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและมีวัตถุประสงค์การใช้ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาเรื่องการให้บริการและการคิดคำนวณค่าของการให้บริการวรรณกรรมการ์ตูนออนไลน์ หรือเนื้อหาต่างๆ การส่งสินค้า หรือส่งใบแจ้งหนี้ การทำตรวจสอบหรือยืนยันผู้ใช้งาน การซื้อหรือการจ่ายเงิน การตามหาเพื่อชำระเงิน

  2. เพื่อการบริหารข้อมูลสมาชิก ในการให้บริการเฉพาะแก่สมาชิก, การตรวจสอบสมาชิกแต่ละรายเพื่อป้องกันสมาชิกที่ประพฤติไม่พึงประสงค์ (สมาชิกที่ฝ่าฝืนข้อกฎบังคับ) ให้ได้รับการถูกจำกัดการใช้หรือถูกถอนออกจากเป็นสมาชิก, การตรวจสอบความสมัครใจในการเป็นสมาชิก, การจำกัดจำนวนการสมัครสมาชิก, การได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองหากจะเก็บข้อมูลสมาชิกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ, การตรวจสอบหรือการยืนยันผู้ปกครอง, การเก็บประวัติไว้เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น, การแก้ไขความไม่พอใจของสมาชิก และการประกาศแจ้งข้อมูลต่างๆ

  3. เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาบริการใหม่, การโฆษณาและการตลาด, การปรับปรุงการให้บริการให้ตรงตามความต้องการ, การให้บริการและการโฆษณาตามลักษณะทางประชากรศาสตร์, การตรวจสอบหรือการยืนยันผลของบริการ, การให้ข้อมูลเชิงพาณิชย์และอีเวนต์รวมถึงการให้โอกาสมีส่วนร่วม, การตรวจสอบความบ่อยครั้งในการเข้าถึงหรือการใช้บริการ และการวิเคราะห์สรุปผลเชิงสถิติของการใช้บริการของสมาชิก

3. การใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

  1. บริษัทมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทคู่ค้าในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานทางเว็บไซต์ คือ Google Analytics โดยข้อมูลที่ถูกเก็บด้วย Google Analytics นี้ บริษัทจะไม่นำข้อมูลที่ได้จากการใช้งาน Google Analytics มารวมเข้ากับข้อมูลที่สามารถชี้ตัวบุคคลได้ ถึงแม้ว่า Google Analytics จะมีการสร้างคุกกี้ถาวรบนเว็บเบราว์เซอร์ของสมาชิกเพื่อชี้เฉพาะตัวบุคคลในฐานะผู้ใช้งานเฉพาะสำหรับการใช้งานในครั้งถัดไปก็ตาม แต่จะไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานคุกกี้นั้นได้นอกจาก Google ความสามารถในการใช้งานและเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมโดย Google Analytics เกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของสมาชิกนั้น จะถูกจำกัดโดยข้อตกลงบริการของ Google Analytics และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google หากต้องการหยุดส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ สามารถทำได้ทาง Google Analytics opt-out และทำการติดตั้ง add-on สำหรับเบราว์เซอร์ของสมาชิกได้

  2. บริษัทมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทคู่ค้าในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานทางแอพพลิเคชั่น คือ Facebook Analytics for Apps และ Tune เครื่องมือเหล่านี้ให้ความช่วยเหลือบริษัทในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานบริการของสมาชิก โดยอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของสมาชิก เช่น IP Address, การติดตั้งแอพพลิเคชั่น, เพศ, อายุ และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นการใช้งานภายในบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะไม่รวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์ในการชี้เฉพาะตัวบุคคล โดยสมาชิกสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านี้

4. ระยะเวลาการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. a. โดยหลักการ

    1. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ถูกลบทิ้งไปเมื่อนำมาใช้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บและการใช้ข้อมูล ส่วนบุคคล แต่เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ขอยกเลิกการเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ตั้งใจ บริษัทก็เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ขอยกเลิกการเป็น สมาชิกเป็นระยะเวลา 7 วัน

    2. สำหรับกรณีดังต่อไปนี้เป็นกรณีพิเศษที่บริษัทเก็บไว้โดยมีเหตุผลและระยะเวลาตามกำหนดและจะไม่นำไปใช้ ในวัตถุประสงค์อื่นๆ อย่างเด็ดขาด

  2. b. กรณีตามนโยบายของบริษัท

  3. c. กรณีตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    1. ประมวลกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น ระบุให้บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เหตุผลและระยะเวลา ดังนี้

      1. ข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับทาง โทรคมนาคม ระยะเวลาที่กำหนด : 3 เดือน

      2. ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขความไม่พอใจของผู้บริโภคหรือความขัด แย้ง เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 3ปี

      3. ข้อมูลเกี่ยว กับการลงนามสัญญา หรือยกเลิกการลงนามข้างท้าย เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทาง อิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 5ปี

      4. ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายค่าบริการและการขนส่งสินค้า เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 5ปี

5. ขั้นตอนและวิธีการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

  1. 5.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้

    1. a. บริษัทขอสงวนสิทธิในการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ในกรณีที่ผู้ใช้บริการมิได้เข้าใช้บริการแพลตฟอร์มและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลาเกินกว่า 5 ปี ทั้งนี้ ให้เป็นตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้

    2. b. ผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะร้องขอให้บริษัทดำเนินการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

        1. (1) เมื่อได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทกำหนดแล้ว

        2. (2) เมื่อผู้ใช้บริการมีความประสงค์จะถอนความยินยอมในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

        3. (3) เมื่อผู้ใช้บริการได้คัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนและบริษัทไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่บนพื้นฐานอันชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อการก่อให้เกิดสิทธิ ใช้สิทธิ หรือ ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามกฎหมาย

        4. (4) เมื่อมีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดแบบตรง

        5. (5) เมื่อมีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    3. c. เมื่อผู้ใช้บริการร้องขอให้ลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ บริษัทจะดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้บริการโดยทันทีหรือภายในระยะเวลา 90 วันนับจากได้รับคำขอ โดยจะปฏิบัติตามวิธีการและขั้นตอนการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ของบริษัทข้างต้น รวมถึงกฎหมายและกฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับนโยบายความเป็นส่วนตัว

    4. d. ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้โดยทันทีหรือนับแต่ได้รับคำขอจากผู้ใช้บริการ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะถูกโอนไปยังระบบฐานข้อมูลเฉพาะของบริษัทและจะถูกจัดเก็บในรูปแบบที่ยากต่อการเข้าถึง รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการ

    5. e. ก่อนที่จะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการผลการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าขั้นตอนดังกล่าวไม่สามารถย้อนกลับได้ ไม่สามารถกู้คืนข้อมูลส่วนบุคคลได้ และไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้หรือในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหลังจากนั้น ทั้งนี้ หากการดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้นั้นไม่สามารถดำเนินการได้ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบพร้อมอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่สามารถดำเนินการได้ดังกล่าว

  2. 5.2 ขขั้นตอนการลบบัญชีผู้ใช้งานและข้อมูลส่วนบุคคล

    1. ท่านสามารถดำเนินการลบบัญชีผู้ใช้งานและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตนเอง โดยดำเนินการดังต่อไปนี้

    2. 5.2.1. เข้าสู่ระบบ platform การให้บริการของบริษัท

    3. 5.2.2. คลิกที่ตัวเลือก “รูปโปรไฟล์ของท่าน” ที่มุมบนด้านขวาของเว็บไซต์ (สำหรับการดำเนินการบนเว็บไซต์) หรือ ที่มุมบนด้านซ้ายของเว็บไซต์ (สำหรับการดำเนินการบนสมาร์ทโฟน) เพื่อไปยังหน้าต่าง “ข้อมูลส่วนตัว”

    4. 5.2.3. คลิกที่ตัวเลือก “ลบบัญชี” ด้านล่างของหน้าต่าง “ข้อมูลส่วนตัว”

    5. 5.2.4. โปรดอ่านเงื่อนไขและข้อควรระวังในการลบบัญชีผู้ใช้งานอย่างละเอียด จากนั้นคลิกเลือกข้อความ “ฉันได้อ่านและยอมรับข้อควรระวัง”

    6. 5.2.5. คลิกที่ตัวเลือก “ลบบัญชี” เพื่อยืนยันการลบบัญชีผู้ใช้งานและช้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    7. ***หากท่านได้ทำการยืนยันการลบบัญชีผู้ใช้งานเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลบัญชีและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกลบออกจากระบบข้อมูลของบริษัทอย่างถาวรและไม่สามารถกู้คืนได้ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อความที่ท่านได้แสดงความคิดเห็นไว้ในกล่อง “เขียนคอมเมนต์” หากท่านไม่ประสงค์ให้ความคิดเห็นของท่านคงอยู่ โปรดดำเนินการลบความคิดเห็นของท่านก่อนที่จะทำการลบบัญชีผู้ใช้งาน

  3. 5.3 หากท่านมีข้อสงสัยหรือประสบปัญหาเนื่องจากการดำเนินการลบบัญชีผู้ใช้งานและข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ท่านสามารถสอบถามข้อสงสัยหรือแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นมายังบริษัทได้ทาง Email address: comicoth.cs@kidaristudioth.com

6. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

  1. ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการเข้าถึง ตรวจสอบ แก้ไขและลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมทั้งมีสิทธิร้องขอให้ระงับและถอนความยินยอมหรือคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยส่งคำขอใช้สิทธิเข้าถึง ตรวจสอบ แก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางอีเมล comicoth.cs@kidaristudioth.com

  2. บริษัทจะตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการทันที เมื่อได้รับคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน เว้นแต่กรณีจำเป็นที่ต้องมีขั้นตอนพิเศษในการแก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบหลังจากดำเนินการแก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลตามคำขอใช้สิทธิ

  3. กรณีใช้สิทธิร้องขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการจะไม่ใช้หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องจนกว่าการแก้ไขจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้หากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้รับข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องไปแล้ว บริษัทจะแจ้งผลการแก้ไขแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นทันทีเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขต่อไปได้

7. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ด้วยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้บริการ ซึ่งมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบนเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย สามารถป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลสูญหาย การนำไปใช้โดยมิชอบ การรั่วไหล การแก้ไขดัดแปลง ตลอดจนความเสียหายที่เกิดขึ้น

    1. a. บริษัทใช้ระบบการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ รหัสผ่านและวิธีการชำระเงินตามมาตรฐานที่กฎหมายและกฎข้อบังคับกำหนด รวมทั้งใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในการเข้ารหัสไฟล์หรือการถ่ายโอนข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

    2. b. บริษัทตระหนักอย่างยิ่งในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการกรณีรั่วไหล เสียหายจากการแฮกข้อมูลหรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้บริษัทจะสำรองข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีเพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า และใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเวอร์ชันล่าสุด เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการรั่วไหลหรือสูญหาย สามารถส่งต่อข้อมูลบนเครือข่ายได้อย่างปลอดภัยผ่านการสื่อสารด้วยวิธีเข้ารหัส นอกจากนี้บริษัทยังใช้ระบบป้องกันการรุกล้ำ เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการจัดหาอุปกรณ์ทางเทคนิคทั้งหลายที่จำเป็นมาใช้ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล เว็บไซต์ การรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ตลอดจนการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายยังไม่มีความปลอดภัยโดยสมบูรณ์ บริษัทจึงขอความร่วมมือจากผู้ใช้บริการให้ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

      1. แนะนำให้เปลี่ยนรหัสผ่านของท่านเป็นระยะ และอย่าเปิดเผยไอดีกับรหัสผ่านของท่านแก่บุคคลอื่น

      2. ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสของท่านอย่างสม่ำเสมอ

      3. หลีกเลี่ยงการเข้าถึงข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้เว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลดโดยไม่คิดค่าบริการ

8. การใช้คุกกี้

    1. a. คุกกี้ (cookie) คืออะไร?
      1. บริษัทมีการใช้คุกกี้ในการจัดเก็บและติดตามข้อมูลของผู้ใช้บริการในบางโอกาส เพื่อให้บริการที่เป็นส่วนบุคคลและปรับให้เหมาะสมตามการใช้งานยิ่งขึ้น คุกกี้เป็นข้อมูลขนาดเล็กหรือข้อความที่ส่งไปยังเบราว์เซอร์เมื่อท่านเยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งจะถูกจัดเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของท่าน

    2. b. วัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้
      1. ใช้สำหรับวิเคราะห์แต่ละประเภทการใช้งานและบริการของบริษัท หลังจากผู้ใช้บริการเข้ามาใช้งานแล้ว จะช่วยให้เว็บเซิร์ฟเวอร์นำเสนอเนื้อหาที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากที่สุดโดยการอ่านข้อมูลของคุกกี้ที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้บริการ

    3. c. การติดตั้ง จัดการและปฏิเสธคุกกี้
      1. ผู้ใช้บริการมีทางเลือกในการติดตั้งคุกกี้ ดังนั้นท่านสามารถอนุญาตให้ใช้คุกกี้ทั้งหมดได้ หรือจะตรวจสอบทุกครั้งที่มีการจัดเก็บคุกกี้ ตลอดจนปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ทั้งหมด โดยการตั้งค่าตัวเลือกบนเว็บเบราว์เซอร์ของท่านเอง

      2. อย่างไรก็ตามกรณีผู้ใช้บริการปฏิเสธการติดตามโดยคุกกี้ ท่านอาจไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากเว็บไซต์อย่างเต็มที่หรือเข้าไม่ถึงฟังก์ชันทั้งหมดของเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นการจำกัดประสบการณ์การใช้งานโดยรวมของท่าน

9. การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ

  1. บริษัทสามารถโอนข้อมูลที่รวบรวมไว้ไปยังต่างประเทศเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้ โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล

  2. บริษัทจะแบ่งปันข้อมูลเป็นการภายในและแบ่งปันข้อมูลแก่พันธมิตรทางธุรกิจภายนอกบริษัท หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะระงับการโอนข้อมูลจากต่างประเทศทันที

10. ความเป็นส่วนตัวของผู้เยาว์

  1. กรณีผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ผู้แทนโดยชอบธรรมมีสิทธิสอบถามหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรักษาไว้ รวมทั้งมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  2. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์สามารถใช้สิทธิในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทุกเมื่อ

11. การแบ่งปันและการให้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ตามกฎของบริษัทจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ให้แก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ อย่างไรก็ตามกรณีดังต่อไปนี้นับเป็นข้อยกเว้น

    1. a. เมื่อผู้ใช้ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูล
    2. b. เมื่อมีคำสั่งทางกฎหมาย

12. การสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หากมีคำถาม หรือข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ comicoth.cs@kidaristudioth.com

13. การแก้ไขนโยบายในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หากมีการเพิ่มเติม แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบ อันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะทำการแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ใช้ เช่น การใช้ประโยชน์ การเก็บหรือการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม